ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าทุกวันนี้มีคนนับแสนคนต่อวันที่กำลังประสบอาการแพ้น้ำหอมอยู่ทั้วโลก .... ทั้งๆที่คนเราชอบของหอมมากกว่าของเหม็น แต่ของหอมๆอย่างน้ำหอมก็สามารถเป็นอาวุธทำร้ายร่างกายของเราได้มากกว่ากลิ่นตดเสียอีก

     ตดเหม็นๆ อย่างมากก็ลอยมาวูบเดียว แล้วมันก็ผ่านไป ไม่น่าจะมีโทษอะไร ถ้าไม่ได้โกรธคนตดอยู่เป็นทุนเดิม ...

     คนที่แพ้น้ำหอมหรือกลิ่นหอมเหล่านี้เจอได้ทั่วไป .... บางครั้งพบว่าขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย อารมณ์ และการสะสมของกลิ่นหอมในช่วงเวลานั้นๆ นั่นหมายความว่า ตอนนี้คุณอาจไม่แพ้ เพราะมันไม่แสดงอาการ แต่เมื่อไรที่คุณไม่สบาย พักผ่อนน้อย หรือดมน้ำหอมมากเกินเหตุ คุณก็อาจจะแสดงอาการเหล่านี้ออกมาก็ได้ครับ

     คนที่แพ้น้ำหอมจะเริ่มต้นด้วยอาการเหล่านี้ตามลำดับครับ แสบตา ริมฝีปากแสบซู่ซ่าไปจนถึงปากลอก แสบคอ(แบบเย็นวูบเลยล่ะ)จนทำให้เจ็บคอ เมื่อแขนเมื่อขา และอ่อนล้าที่กล้ามเนื้อต่างๆ หากหนักหน่อยก็จะปวดหัวร่วมด้วย ไปจนถึงหมดสติไปเลยครับ

     อาการเรื้อรังที่พบคือ ทำให้เกิดภาวะหอมหืด โพรงจมูกอักเสบและมีติ่งเนื้องอกได้

     วิธีการแก้ไขเบื้องต้นคือ หลีกหนีจากบริเวณนั้นทันทีที่พบว่าเกิดอาการผิดปกติ และไปอยู่พื้นที่ปราศจากกลิ่น (Fragrance free zone) เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมทุกชนิดครับ

     อันที่จริงเป็นวิธีแก้ไขแบบครอบจักรวาล เพราะการแพ้กลิ่นหอมนั้นส่วนใหญ่คนเราจะแพ้เพียงองค์ประกอบทางเคมีบางชนิดในนั้นเท่านั้นครับ

     ผมไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลยให้ตายสิ ... แต่ตอนนี้เป็นกูรูเรื่องแพ้กลิ่นน้ำหอมไปแล้ว เพราะผมเพิ่งจะแพ้มาสดๆร้อนๆเลยครับ

     2 วีคที่ผ่านมา งานผสมน้ำหอมของผมเยอะมากๆ เยอะจนล้น .... ผมต้องผสมกลิ่นใหม่ๆ 12 ชม.ต่อวัน เพราะเป็นหน้าที่ (เพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนที่เหลือคือกิเลสของตัวเอง 555) ผมดมน้ำหอมจนเหงื่อผมมีกลิ่นล่ะ

     และในที่สุดวันนี้ผมก็ปากลอก เจ็บคอ หายใจลำบาก เพลียอย่างสุดๆ จนผมต้องบอกตัวเองให้หยุดผสมน้ำหอมชั่วคราวก่อนครับ

     เซ็งเป็ด เซ็งห่านเหมือนกัน แต่ก็เพื่อตัวเองครับ ... ช่วงนี้เลยไม่มีน้ำหอมใหม่ๆเลย (แต่น้ำหอมเก่าๆที่บ่มเอาไว้ก็ดูเหมือนจะมีกลิ่นนึงที่หอมใช้ได้เลย)